ในปัจจุบันตู้เชื่อมไฟฟ้าหากแบ่งเป็นประเภทของกระแสไฟมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบคือตู้เชื่อมไฟฟ้าแบบกระแสตรงและตู้เชื่อมไฟฟ้าแบบกระแสสลับ ซึ่งตู้เชื่อมกระแสตรงมีเทคโนโลยีในการพัฒนาให้สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี มีคุณสมบัติหลายอย่างที่ดีกว่าตู้เชื่อมไฟฟ้าแบบกระแสสลับโดยเฉพาะความคุ้มค่าและการประหยัดไฟที่ดีกว่า แต่ทำไมตู้เชื่อมไฟฟ้าแบบกระแสสลับถึงได้สามารถใช้งานแข่งกับตู้เชื่อมไฟฟ้าแบบกระแสตรงได้มาจนถึงปัจจุบัน มีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง เลือกใช้งานในลักษณะใด
ความแตกต่างที่ส่งผลชัดเจนระหว่างตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสตรงและกระแสสลับ มีอะไรบ้าง
1.การใช้งานแล้วแรงดันไฟฟ้าไม่ตก แรงดันคือไฟฟ้าที่มีแรงดันเป็นโวลต์ ตู้เชื่อมกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ สามารถส่งแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าจากความยาวที่มีของสายไฟได้ดีกว่าตู้เชื่อมแบบกระแสตรง หากแรงดันไฟฟ้าจากตู้เชื่อมตกลงส่งผลทำให้ประสิทธิภาพในการเชื่อมชิ้นงานลดลงด้วยเช่นกัน เช่นแรงดันทำให้เกิดการอาร์กไม่เสถียรและ ลวดเชื่อมไม่ละลาย เป็นต้น
2.การพร้อมอาร์คที่ดีกว่า สำหรับข้อนี้ตู้เชื่อมที่เป็นกระแสตรงจะมีคุณสมบัติที่ดีกว่าตู้เชื่อมกระแสสลับ เพราะว่าตู้เชื่อมกระแสตรงหรือ inverter มีความพร้อมสำหรับการอาร์คตลอดเวลา หรือมีค่าแรงดันไร้ภาวะโหลด ( OCV) มีความเสถียรที่ดีกว่าตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสสลับ
- ตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสสลับ มีไฟฟ้าที่ไม่มีความเสถียรสูงเกิดจากกระแสไฟฟ้าแบบสลับขึ้นลงตลอดเวลา
- ตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสตรง มีไฟฟ้าที่เสถียรอยู่ที่ 50 ถึง 100 โวลต์ เป็นแนวเส้นตรง
ส่งผลให้ตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสตรง มีค่าความพร้อมสำหรับการอาร์คอยู่ตลอดเวลา และมีความเสถียรสูงกว่าตู้เชื่อมไฟฟ้าแบบกระแสสลับนั่นเอง
3.ระยะในการอาร์กที่ดี หากเปรียบเทียบระยะอาร์กจากตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสตรงสามารถ ปรับองศาและการขึ้นลงระหว่างการเชื่อมได้ดีกว่าตู้เชื่อมไฟฟ้าแบบกระแสสลับ
- ตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสตรง สามารถเคลื่อนย้ายระยะการอาร์ค หรือการขยับมือขึ้น-ลงที่ดีกว่า มีความนิ่งกว่า
- ตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสสลับ หากมีการเคลื่อนย้ายระยะในการอาร์ก บ่อยครั้งมากเกินไปอาจทำให้การเชื่อมชิ้นงานเกิดการสะดุด หรือความเสถียรลดน้อยลงได้
4.ความสามารถตำแหน่งของการเชื่อม มีความแตกต่างกัน ท่าในการเชื่อม มีความสำคัญ ต่อแนวเชื่อมเช่น การเชื่อมท่าราบ การเชื่อมท่าขนานนอน การเชื่อมท่าเหนือศีรษะ และการเชื่อมขึ้นเชื่อมลงเป็นต้น เครื่องเชื่อมไฟฟ้ากระแสตรง สามารถจัดตำแหน่งการเชื่อมที่มีความเสถียรกว่า เพราะมีการอาร์กที่มีความนิ่งและเสถียร ที่ดีกว่าตู้เชื่อมไฟฟ้าแบบกระแสสลับ
5.กระแสมีความสัมพันธ์กับขนาดของเส้นลวด กระแสไฟฟ้า มีความสัมพันธ์ต่อขนาดเส้นลวด ขนาดของเส้นลวดที่มีขนาดเล็กจะทำให้กระแสเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงของกระแสเชื่อมสูงมากขึ้น
- ตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสตรง เมื่อเชื่อมด้วยลวดไฟฟ้าที่มีขนาดเล็ก สามารถควบคุมกระแสเชื่อมได้นิ่งกว่าเนื่องจากเป็นไฟฟ้ากระแสตรง
- ตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสสลับ ลักษณะกระแสไฟฟ้ามีการสวิง ขึ้นๆลงๆ เมื่อใช้งานกับลวดเชื่อมที่มีขนาดเล็กทำให้กระแสในการเชื่อม มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ดังนั้นการเลือกใช้ตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสตรงเหมาะสำหรับการนำไปใช้งานในลักษณะต่างๆที่ดีกว่าการเลือกใช้ตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสสลับ เพราะตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสตรง มีความเสถียรและกินไฟน้อยกว่าตู้เชื่อมไฟฟ้ากระแสสลับนั่นเอง สำหรับตู้เชื่อมไฟฟ้าแบบกระแสสลับ สามารถเชื่อมชิ้นงานที่มีขนาดใหญ่ หรือเชื่อมตัดชิ้นงานขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี